การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรตามมาตรฐาน ISO 14064-1

การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรตามมาตรฐาน ISO 14064-1

​บทนำ

​ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก องค์กรต่างๆ จึงต้องตระหนักถึงผลกระทบของตนต่อสิ่งแวดล้อม การคำนวณและบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint of Organization: CFO) ตามมาตรฐาน ISO 14064-1 กลายเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถประเมินและควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของมาตรฐาน ISO 14064-1

​ISO 14064-1 เป็นมาตรฐานระดับสากลที่ช่วยองค์กรกำหนดขอบเขตการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมแนวทางสำหรับการตรวจวัดและรายงานผลอย่างเป็นระบบ การนำมาตรฐานนี้มาใช้ช่วยให้สามารถ 

  • ระบุแหล่งกำเนิดของก๊าซเรือนกระจก และปรับกลยุทธ์การลดการปล่อยได้อย่างตรงจุด 
  • เพิ่มความโปร่งใสในการรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแล (BSI, 2023)
  • เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจและลดต้นทุน โดยการปรับปรุงการใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด (SOCOTEC, 2023)

ขั้นตอนสำคัญในการประเมิน CFO ตาม ISO 14064-1

1.กำหนดขอบเขตการประเมิน 

  • SCOPE 1: การปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกโดยตรง (เช่น จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในหม้อไอน้ำ ยานพาหนะ หรือกระบวนการผลิตโดยตรงขององค์กร)
  • SCOPE 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (เช่น ไฟฟ้า ความร้อน หรือไอน้ำที่ซื้อมาใช้ในองค์กร)
  • SCOPE 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการขนส่ง (เช่น การขนส่งสินค้า วัตถุดิบ หรือการเดินทางของพนักงานที่องค์กรไม่ได้ควบคุมโดยตรง)
  • SCOPE 4: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากผลิตภัณฑ์ที่องค์กรใช้ (เช่น สินค้าหรือบริการที่องค์กรซื้อมาใช้ ซึ่งปล่อย GHG ในกระบวนการผลิตหรือการใช้งาน)
  • SCOPE 5: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ผลิตภัณฑ์ขององค์กร (เช่น ลูกค้าใช้สินค้าหรือบริการขององค์กรแล้วเกิดการปล่อย GHG เช่น รถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า)
  • SCOPE 6: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากแหล่งอื่น ๆ (เช่น กิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ใน Scope 1–5)

2. เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล

  • ใช้วิธีการคำนวณที่เป็นไปตามแนวทางที่ได้รับการยอมรับ เช่น GHG Protocol
  • วิเคราะห์แหล่งกำเนิดของการปล่อยก๊าซและกำหนดมาตรการลดผลกระทบ (BSI, 2023)

3. จัดทำรายงานและตรวจสอบความถูกต้อง

  • จัดทำรายงานตามข้อกำหนดของ ISO 14064-1
  • รับการตรวจสอบจากบุคคลที่สามเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลและกระบวนการ (SOCOTEC, 2023)

4.ประโยชน์ของการใช้มาตรฐาน ISO 14064-1 ในองค์กร

  • ช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยการควบคุมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืน
  • สนับสนุนเป้าหมาย ESG (Environmental, Social, and Governance) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้ความสำคัญ (MASCI, 2023)

สรุป

​การใช้มาตรฐาน ISO 14064-1 ในการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรช่วยให้องค์กรสามารถวัด ติดตาม และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

เอกสารอ้างอิง

​1. ISO 14064-1:2018 Greenhouse gases – Part 1: Specification with guidance at the organization level for quantification and reporting of greenhouse gas emissions and removals.

​2. BSI. (2023). Introduction to ISO 14064. Retrieved from https://www.bsigroup.com

​3. SOCOTEC. (2023). ISO 14064 – Carbon Footprint of Organization (CFO). Retrieved from https://www.socotec-certification-international.co.th

​4. MASCI. (2023). Carbon Footprint for Organization (CFO). Retrieved from https://www.masci.or.th

 

การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรตามมาตรฐาน ISO 14064-1
Yuwadee Jaisan May 6, 2025
Share this post
Archive